[ Sub Thai ] Dramatical Murder รูทมิ้งค์

 [ Sub Thai ] Dramatical Murder  รูทมิ้งค์


 


แนะนำตัวละครอย่างคร่าวๆ


อาโอบะ

            อาโอบะ  ( นายเอก ) เป็นตัวละครหลักของเรื่อง อาโอบะมีความสามารถพิเศษคือสามารถควบคุมคนได้ด้วยเสียง พลังนี้เรียกว่า สแครป์ และเขาสามารถเข้าไปในจิตใต้สำนึกของคนคนนั้นได้
อาโอบะมีอาชีพเป็นพนักงานพาร์ทไทม์ที่ร้านเฮย์บอน


มิ้งค์  
         
         มิ้งค์เป็นคนชนพื้นเมืองอเมริกัน ( อินเดียนแดง )  มิ้งค์เป็นคนที่รู้เรื่องสมุนไพรจากผู้เป็นพ่อและแม่สืบทอดให้ 
 
          มิ้งค์ชอบสูบไปป์ และเขาเป็นคนที่มีความเชื่อเรื่องพระเจ้า และเป็นคนที่เคร่งศาสนามาก เขามักจะสวดภาวนาอยู่บ่อยครั้ง  บนร่างกายของมิ้งค์จะมีกลิ่นหอมของชินนาม่อน

        มิ้งค์มีความสามารถในการ : สัมผัสกลิ่น
 
        สมัยก่อน บ้านเกิดของมิ้งค์อยู่กับครอบครัวและมีญาติๆอยู่ด้วยกันเป็นหมู่บ้านชนเผ่าเล็กๆ ซึ่งมีความชำนาญด้านสมุนไพร ( สมุนไพรที่ว่านี้คือสมุนไพรที่ควบคุมกลิ่นของคนและทำให้จิตใจเกิดความสงบ ) 
 
        โทวเอะเกิดความสนใจในสมุนไพรเป็นอย่างมาก โทวเอะเข้าใจผิดว่าสมุนไพรนี้มีฤทธิ์สามารถควบคุมจิตใจผู้คนได้  โทวเอะจึงเดินทางไปที่หมู่บ้านของมิ้งค์และขอสูตรยาสมุนไพรเพื่อทำการทดลอง แต่ทว่าทางหมู่บ้านของมิ้งค์ไม่ยินยอม
 
        ต่อมาโทวเอะจึงสั่งคนไปเผาบ้านทุกหลังและสังหารคนในหมู่บ้านทุกคน กับนำคนบางส่วนไปทดลองวิจัยเรื่องกลิ่นสมุนไพร  แต่มีมิ้งค์คนเดียวที่รอด ทำให้มิ้งค์เกิดความแค้นต่อโทวเอะเป็นอย่างมาก
 
        หลังจากที่มิ้งค์หลบหนีออกจากคุก เขาก็ได้ตั้งแก๊งขึ้นมาและเป็นหัวหน้าในแก๊งที่ชื่อว่า Scratch ซึ่งภายในแก๊งก็มีแต่นักโทษที่หลบหนีเช่นกัน
 
     ( จุดหนึ่งที่ทางเรื่องไม่ได้บอกคือ เหตุใดมิ้งค์จึงถูกโทวเอะจับไปขังคุก แต่แอดมินคิดว่าโทวเอะรู้ว่ามิ้งค์เป็นคนเดียวในเผ่าที่มีชีวิตรอดอยู่และเขารู้เรื่องสมุนไพร จึงได้จับตัวไว้เพื่อเค้นให้มิ้งค์บอกสูตรสมุนไพร )
 
 
 
         โทริ  เป็นออลเมทของมิ้งค์ เป็นนกแก้วเพศชายมีขนที่สวยงาม โทริมีนิสัยที่สุขุมใจเย็นและพูดมีเหตุผลดี 
        ตอนหนึ่งอาโอบะเคยถามโทริว่าชื่ออะไร โทริก็ตอบว่าการมีชื่อไม่สำคัญหรอก  อาโอบะเลยถามต่อว่าแล้วมิ้งค์เรียกนายว่าอะไรงั้นหรอ 
โทริเลยตอบว่า  "เฮ้" , "นายน่ะ" , "เจ้านก"  ( โทริ ภาษาญี่ปุ่น แปลว่า นก ค่ะ แต่แอดมินจะเขียนชื่อนกตัวนี้ว่า โทริ นะคะ )

         โทวเอะ ( ตัวร้าย )  เป็นเจ้าของเมืองแพตตินั่มเจล เป้าหมายสูงสุดของเขาก็คือยึดครองเกาะมิโดริจิมะและควบคุมคนทั้งเกาะมิโดริมะให้เชื่อฟังตัวเอง
 
 
เกาะมิโดริจิมะ
( ซ้าย / แพตตินั่มเจล เมืองแห่งเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย )   ( ขวา / ย่านเมืองเก่าของเกาะมิโดริจิมะ )



[ ขอเล่าอย่างคร่าวๆนะคะ ]

          
        อาโอบะเคยได้ยินเรื่องเล่าจากโยชิเอะซัง ว่าทางตอนเหนือเป็นเมืองร้าง มีนักโทษที่หลบหนีจากคุกลักพาตัวคนและชอบทำลายข้าวของอยู่ที่นั่น และบอกให้อาโอบะระวังตัวด้วย
 
        ครั้งแรกที่อาโอบะและมิ้งค์พบกันคือ ตอนที่อาโอบะกำลังจะข้ามถนน เกือบถูกมอเตอร์ไซค์คันใหญ่ขับชน ซึ่งคนขับก็คือมิ้งค์  
        มิ้งค์กับอาโอบะได้สบตากันครู่หนึ่ง ก่อนที่มิ้งค์จะบิดมอเตอร์ไซค์ไปต่ออย่างหน้าตาเฉย โดยที่ไม่ได้เอ่ยปากขอโทษแม้แต่น้อย ทำให้อาโอบะรู้สึกหงุดหงิดและบ่นไปหลายคำ

        วันหนึ่ง หลังจากที่ทำงานเสร็จ อาโอบะโทรหาคุณยายทาเอะไปหลายสาย แต่คุณยายกลับไม่รับ ทำให้อาโอบะรู้สึกใจคอไม่ดี จึงได้รีบกลับบ้าน

        พออาโอบะเข้าไปในบ้าน ภายในบ้านก็มืดไปหมดไม่ได้เปิดไฟไว้สักดวง พออาโอบะกำลังจะก้าวเท้าขึ้นบ้านก็เจอคนนอนอยู่บนพื้น ตอนแรกอาโอบะคิดว่าเป็นคุณยายทาเอะแต่พอพลิกตัวดูกลับเป็นคนแปลกหน้า มีลายเพนส์สัญลักษณ์แก๊งมอร์ฟีนอยู่ที่ลำคอ ทำให้อาโอบะตกใจมากว่าพวกนี้มาที่บ้านได้ยังไง
 
        จากนั้นอาโอบะก็เพิ่งสังเกตว่ามีชายร่างใหญ่อยู่ในบ้านและมีคนอื่นๆอยู่ด้วยเช่นกัน อาโอบะคิดว่ามิ้งค์เป็นคนลักพาตัวคุณยายของเขาไป อาโอบะจึงได้เอ่ยปากถามมิ้งค์ด้วยโกรธ แต่มิ้งค์ไม่ตอบ แต่เขากลับพุ่งหมัดชกเข้าที่ท้องของอาโอบะไปหนึ่งทีทำให้อาโอบะสลบไปทันใด 

 
          
        อาโอบะตื่นขึ้นมาด้วยความมึนงงพร้อมกับดวงตาที่พร่ามัว พอเขาเงยหน้าขึ้นก็เห็นบนพื้นมีลายแก๊ง Scratch และพอเขาเงยหน้าขึ้นไปอีกก็เห็นชายร่างใหญ่นั่งอยู่ตรงหน้ากำลังสูบไปป์อยู่    
 
        ทันใดนั้นก็มีคนในแก๊งเดินตรงมาที่อาโอบะโดยบอกว่าทำตามคำสั่งของมิ้งค์ และพวกลูกน้องของมิ้งค์ก็ได้ทำการล็อกตัวเขาไว้ทั้งเปลื้องผ้าช่วงล่างของอาโอบะออก 
 
        อาโอบะพยายามบอกให้พวกนั้นปล่อยและดิ้นอย่างสุดชีวิต แต่ก็ถูกเอาผ้ายัดปากทำให้อาโอบะส่งเสียงร้องไม่ได้ อาโอบะมองไปที่มิ้งค์ ที่กำลังยืนมองเขาอยู่ที่มุมหนึ่งของห้องด้วยความเย็นชา อาโอบะก็เกิดความสงสัยอยู่ในใจว่ามิ้งค์อยากดูเขาถูกข่มขืนหรือยังไง
        ( ปล.เหมือนมิ้งค์กำลังทดสอบบางอย่างในตัวของอาโอบะ )


       อาโอบะคิดว่าตนหมดหนทางหนี อาการปวดหัวจึงกำเริบ จนอาโอบะนิ่งไม่ขยับและหลับตาลง ทำให้พวกลูกน้องของมิ้งค์เริ่มสงสัยว่าอาโอบะยังโอเคอยู่หรือเปล่า ทันใดนั้นอาโอบะก็ลืมตาขึ้นแล้วพูดว่า "ทำลาย" ( ยามที่อาโอบะเกิดความลังเลหรือหมดหนทางหนี ร่างความต้องการก็จะแทรกขึ้นแทนและทำการใช้พลังสแครป์ ) จากนั้นทุกคนก็ชะงักหมดสติไป ไม่นานนักอาโอบะก็สลบไปเช่นกัน
  

        อาโอบะฟื้นขึ้นมาอยู่บนเตียงในห้องแคบห้องหนึ่ง  ไม่นานนักก็มีคนในแก๊งของมิ้งค์คนหนึ่ง เข้ามาในห้อง เขาถามอาโอบะว่าจำตนได้ไหม ทั้งบอกว่าตนคือคนที่เคยโทรไปสั่งของที่ร้านของอาโอบะ อีกทั้งบอกว่าเขาหลงใหลเสียงของอาโอบะมาก จากนั้นเขาก็ชักปืนออกมาจ่อที่อาโอบะแล้วบอกว่าให้เขาฟังเสียงอาโอบะมากกว่านี้สิ ( อาการขั้นโรคจิต )  แต่มิ้งค์ก็เข้ามาเห็นก่อนพอดี
        
        มิ้งค์ได้จับคนนั้นมาและลงโทษโดยการชกตีอย่างไร้ความปราณี แม้คนตรงหน้าจะเป็นคนในแก๊งตัวเองก็ตาม
 
 


            อาโอบะเห็นสภาพคนนั้นที่ถูกมิ้งค์ตีจนเลือดกลบปาก อาโอบะก็เกิดความกลัวจนตัวสั่นว่ารายต่อไปจะเป็นเขาหรือเปล่า แต่กลับเป็นว่ามิ้งค์เพียงแค่จับแขนของอาโอบะและพาเขาไปที่ห้อง ทำให้ลูกน้องของมิ้งค์สงสัยว่าทำไมมิ้งค์ไม่ลงโทษอาโอบะ
 
            พอกลับมาในห้อง อาโอบะได้ถามมิ้งค์ต่างๆนานา แต่มิ้งค์กลับตอบไม่ตรงประเด็นเท่าไหร่ มิ้งค์บอกว่าที่เขาลงโทษคนเมื่อกี้เพราะเขาเข้ามาในห้องโดยไม่ได้รับอนุญาต ทั้งที่มิ้งค์กำชับไว้แล้วว่าห้ามใครเข้ามาในห้องเป็นอันขาด และมิ้งค์ก็รู้ว่าคนเมี่อกี้สนใจในเสียงของอาโอบะ 
 
            จากนั้นอาโอบะก็ถามมิ้งค์เรื่องคุณยายทาเอะ มิ้งค์ก็ตอบว่าตนไม่ได้ลักพาตัวไป เป้าหมายของมิ้งค์คืออาโอบะ  แต่ดันมีพวกหนึ่งเข้าไปก่อน (  พวกแก๊งมอร์ฟีนลักพาตัวยายของอาโอบะไป )

            มิ้งค์เลยเสนอเงื่อนไขว่า ถ้าเขาช่วยตามหาคุณยายทาเอะ อาโอบะก็จะต้องช่วยงานเขาเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน  พออาโอบะถามว่าช่วยงานอะไร มิ้งค์ก็ไม่ตอบ 
     ( มิ้งค์สัมผัสได้ถึงพลังสแครป์ของอาโอบะจึงคิดที่จะใช้ประโยชน์เพื่อบรรลุเป้าหมายของตน )
 
            ทันใดนั้นอาโอบะก็รู้สึกปวดหัวจี๊ดๆ เขาหายาในกระเป๋าแต่หาไม่เจอ และมิ้งค์ก็หยิบกระปุกยาออกมาจากสาบเสื้อ แล้วโยนกระปุกยาไปให้อาโอบะ และมิ้งค์คิดว่าอาโอบะเป็นเด็กติดยา(เสพติด)
 
             จากนั้นมิ้งค์กับอาโอบะก็เดินทางไปที่ร้านเฮย์บอน ( ร้านที่อาโอบะทำงาน ) ขณะที่เดินทางอาโอบะก็เห็นสภาพเมืองร้างมาก เขาจึงได้รู้ว่าตอนนี้ตนถูกลักพาตัวมาอยู่ที่ทางตอนเหนือของเกาะมิโดริจิมะ

สภาพเมืองทางตอนเหนือของเกาะมิโดริจิมะ

 
            พอถึงที่ร้านเฮย์บอน อาโอบะก็เห็นเคลียร์มายืนรออยู่หน้าร้านบอกว่าเขาได้ยินเสียงของอาโอบะมาจากที่ไกลๆ  พอเข้าไปในร้านก็เจอกับโควจาคุถามอาโอบะด้วยความเป็นห่วงมากๆว่านายหายไปไหนมา โทรไปก็ไม่รับสาย พอโควจาคุเจอกับมิ้งค์ก็รู้ทันทีว่ามิ้งค์เป็นหัวหน้าแก๊ง Scratch และโควจาคุรู้สึกไม่ถูกชะตาด้วยแบบสุดๆ

            ทั้งอาโอบะ โควจาคุ เคลียร์ มิ้งค์ ขึ้นไปชั้นสองของร้าน เพื่อคุยเรื่องที่คุณยายทาเอะถูกลักพาตัว ตอนแรกโควจาคุแบบเดือดๆไม่ชอบขี้หน้ามิ้งค์ไม่เชื่อใจมิ้งค์มากๆ แต่พอมิ้งค์บอกว่าอาโอบะได้ตกลงเงื่อนไขกับตนแล้ว โควจาคุก็ชะงักไปพักใหญ่ อาโอบะจึงเอ่ยปากบอกว่าตนไม่มีทางเลือกจึงยอมตกลงเงื่อนไข และอาโอบะก็วอนขอให้โควจาคุช่วยตามหาคุณยายทาเอะด้วย 
            
               โควจาคุก็รู้สึกเห็นใจและสงสารอาโอบะ ความโกรธบนใบหน้าของเขาจึงหายไปทันตา โควจาคุบอกว่า เขาจะช่วยอีกแรง และที่เขาช่วยเพราะเขาเชื่อใจในอาโอบะ ( โควจาคุจะเป็นคาแรกเตอร์ประมาณพี่ชายห่วงและหวงอาโอบะเหมือนกับน้องชายของตัวเองน่ะค่ะ ใครมายุ่งกับอาโอบะทีไร โควจาคุก็จะแบบหงุดหงิดตลอด อย่ามายุ่งกับศรีภรรยาในอนาคตข้านะ 5555 )
 
 

           ขณะที่ทุกคนกำลังจนมุมอยู่ว่าจะตามหาตัวคุณยายทาเอะอย่างไร ข้อมูลก็ไม่มี ทันใดนั้น โทริออลเมทของมิ้งค์ก็บินลงไปโฉบกล่องอะไรบางอย่างขึ้นมา และมันก็คือออลเมทกล่องเล็กๆลายกระต่ายของนอยซ์ ( นอยซ์แอบตามมาสืบอาโอบะน่ะค่ะ 5555 ) 
 
            โควจาคุก็บ่นว่าเจ้าหมอนี่มันชอบตามสอดเรื่องคนอื่นหรือไงฟะ  ทีนี้มิ้งค์ก็เลยบอกให้อาโอบะเรียกนอยซ์มาที่นี่ โดยการให้อาโอบะใช้น้ำเสียงแบบตอนที่คุยกับลูกค้าเรียกนอยซ์มาที่นี่ และอาโอบะก็เรียกนอยซ์ออกมาได้สำเร็จโดยการใช้สแครป์
 
                นอยซ์ก็ได้ทำการหาข้อมูลและเจอจุดที่คุณยายทาเอะถูกลักพาตัวไป แต่ว่าแผนที่บอกจุดไม่แน่ชัดเท่าไหร่ พอเคลียร์เห็นก็รีบออกตัวว่า "ผมเคยผ่านที่นั่นบ่อยครับ!" พอพูดจบทุกคนในห้องก็เงียบกันทุกคน โควจาคุเลยเอ่ยปากว่า "นี่ไม่ใช่เวลามาล้อเล่นนะเจ้าหน้ากากกันแก๊ส" เคลียร์ก็เลยบอกว่า ผมไม่ได้ล้อเล่นนะครับ แล้วเคลียร์ก็ได้ทำการวาดรูปแผนที่ให้ดู ( วาดได้มุ้งมิ้งมาก )
 
                มิ้งค์ก็เลยหยิบแผนที่ของเคลียร์ไปให้นอยซ์ทาบดู ปรากฎว่ามันเข้ากันได้  แต่โควจาคุก็พูดเชิงแบบเหน็บๆว่า เชื่อใจได้เหรอ จะไปตามที่เจ้าหน้ากากกันแก๊สวาดแผนที่จริงๆน่ะเหรอ
 
             จากนั้นโควจาคุกับนอยซ์ก็มีการพูดกัดกันไปมา ต่อมาทั้งมิ้งค์ เคลียร์ โควจาคุ และนอยซ์ ก็พูดเถียงกันไปมาไม่หยุด อาโอบะก็เลยคิดในใจว่า เรื่องสำคัญขนาดนี้แต่เหล่า ( สามีทั้งหลาย ) ต่างเถียงกันอย่างกับเด็ก อาโอบะเลยเผลอใช้สแครป์พร้อมกับตะโกนเสียงดังว่า "เงียบกันได้แล้วโว้ย!!"
 
                ตอนแรกอาโอบะคิดว่าจะไม่มีใครฟัง แต่ปรากฎว่าทุกคนเงียบทำให้อาโอบะงงๆ โควจาคุเลยบอกว่าพวกเราเงียบตามที่นายบอก และจากนั้นทุกคนก็ออกไปตามหาคุณยายทาเอะตามแผนด้วยกัน


หลังจากที่ช่วยคุณยายทาเอะสำเร็จ อาโอบะก็เลือกที่จะทำตามเงื่อนไขของมิ้งค์


[ เข้ารูทของมิ้งค์ เล่าอย่างคร่าวๆ ]

เช้าวันต่อมา ไวรัสได้โทรมาบอกอาโอบะว่ามีตำรวจกำลังจะมาจับอาโอบะและบอกให้อาโอบะรีบหนี
( อาโบบะถูกใส่ร้ายน่ะค่ะ เป็นฝีมือของโทวเอะ )
อาโอบะจึงหนีจากตำรวจไปกับมิ้งค์
หลังจากที่เข้ามาที่แพตตินั่มเจล ในรูทของมิ้งค์จะเข้าสู่เมืองNight Valley
 
เมือง Night Valley

      
        หลังจากเข้าไปในโรงแรมกลิตเตอร์ ทั้งสองก็ไปพักนอนอยู่บนชั้นสองคนละห้อง 
        ขณะที่อาโอบะกำลังหลับอยู่ก็มีคนปลุกเขา  มิ้งค์ก็บอกอาโอบะให้เตรียมตัวออกไปข้างนอก อาโอบะที่เพิ่งตื่นนอนก็งงๆ เลยตามมิ้งค์ไป

        พอตามมิ้งค์มาตามตรอกซอยก็เจอร้านบันเทิงมากมาย กระทั่งมาหยุดที่หน้าร้านหนึ่งคล้ายผับ มิ้งค์ยื่นบัตรให้พนักงาน แล้วทั้งสองก็เข้าไปในผับ
 
 
 
         มิ้งค์ก็บอกอาโอบะว่าห้องต่อไปจะมีแสงไฟที่ทำให้คนรับ มีสติอยู่แค่ครึ่งหนึ่งและจะทำให้รู้สึกเหมือนกับว่าอยู่ในห้วงภวังค์แห่งความฝัน ( เหมือนสารเสพติดชนิดหนึ่ง ) ซึ่งมันไม่มีผลข้างเคียงอะไร 

        อาโอบะก็แอบสงสัยในใจว่ามิ้งค์รู้ได้ยังไง ต่อมามิ้งค์ก็ถามว่าอาโอบะกล้าเข้าไปไหม อาโอบะก็บอกกล้าสิ อาโอบะก็รู้สึกเหมือนกับว่ามิ้งค์ปฎิบัติเหมือนกับเขาเป็นเด็กยังไงไม่รู้
 
        พออาโอบะเข้าไปก็เห็นคนหนุ่มสาวเต้นอยู่ฟลอร์เต้นรำหลายคนและมีแสงไฟจากสปอต์ไลท์มากมายส่องแสงสว่าง ทั้งเสียงเพลงเบสก็ดังทุ้มแบบสุดๆ

        อาโอบะก็ได้ตามมิ้งค์ขึ้นไปชั้นสอง และทั้งสองก็นั่งพักกัน มิ้งค์ก็พูดขึ้นว่า "ไปสนุกซะสิ" อาโอบะถามมิ้งค์ว่าพาเขามาที่นี่ทำไม มิ้งค์ก็ตอบว่า "ให้นายมาเปิดหูเปิดตา"



        พออาโอบะได้รับแสงไฟและได้ฟังเพลงในผับมากเกินไป เขาก็มีอาการเวียนหัวกับเริ่มปวดหัว พอกินยาแก้อาการปวดหัวก็ไม่หาย มิ้งค์ก็จ้องมองมาที่อาโอบะ เหมือนดูว่าอาโอบะเป็นอะไร 
 
        มิ้งค์ก็คิดว่าอาโอบะได้รับยาเกินขนาด  ไม่นานนักอาโอบะก็ทนไม่ไหวจึงวิ่งลงไปชั้นล่างเพื่อจะออกไปจากที่นี่ แต่ทว่าเขาดันไปชนกับชายแปลกหน้าคนหนึ่งบนฟลอร์เต้นรำ และชายแปลกหน้าก็พยายามจะลวนลามอาโอบะ 
 
        ตอนนั้นอาโอบะปวดหัวมากและเผลอใช้สแครป์โดยไม่รู้ตัวซึ่งเป็นผลทำให้ชายแปลกหน้าเลิกยุ่งกับเขา  ทันนั้นอาโอบะก็ล้มลงพื้น มิ้งค์ที่ตามมาก็ช่วยพยุงอาโอบะ 
 
        แต่ตอนนี้อาโอบะดูเปลี่ยนไปเพราะฤทธิ์ของแสงไฟและเสียงดนตรีในผับทำให้จิตใจของเขาไม่นิ่ง ( ร่างความต้องการกำลังจะแทรกขึ้นมาแทน )
 
        ตอนนี้อาโอบะก่ำกึ่งไม่ได้สติ เขาหัวเราะคิกคักออกมา และรู้สึกอยากทำอะไรที่มันรุนแรง และรู้สึกอยากทำลายบางอย่าง เขาได้หอบหายใจพร่าแล้วซบแผ่นอกกว้างของมิ้งค์พร้อมกับยั่วยวนมิ้งค์ ( แบบสุดๆ ) โดยบอกว่าอยากให้มิ้งค์เติมเต็มความปรารถนาให้กับเขา และมิ้งค์ก็คิดว่านี่คือธาตุแท้ของอาโอบะ
       


( ถึงมิ้งค์จะเย็นชาแค่ไหนก็เถอะ พอเจออาโอบะยั่วแบบแซ่บขนาดนี้ใครจะทนไหว 5555 )           
 จากนั้นอาโอบะก็ถูกมิ้งค์ลากมาที่ตรอกทางเดินแคบที่ไร้ผู้คนในผับ และฉากสุดแสนเร้าใจก็เกิดขึ้น
( มิ้งค์เป็นพระเอกที่ได้เสียกับน้องอาโอบะเร็วที่สุดแล้วในบรรดาพระเอกค่ะ และสามรอบด้วยค่ะ แงง แต่รอบหลังเชิงซาดิสโหดไปนิด ไม่มีภาพประกอบเห็นชัด รอบหลังแอดมินขอเขียนสรุปให้แทนนะคะ  )

.

ปล.จะอ่านสรุปให้จบก่อนค่อยดูวีดีโอซับก็ได้นะคะ เพราะรูทนี้

พระเอกเมคเลิฟกับอาโอบะตอนช่วงครึ่งเรื่อง

 (  แอดมินใช้สกิลอิ้งที่พอมีอยู่ จัดทำซับให้นะคะ  )


หากมีส่วนผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้นะคะ


( แนะนำให้ใส่หูฟังค่ะ  )

= = = = = = = = = = = = = = = 


 
 
= = = = = = = = = = = = = = = = =


( หากวีดีโอไม่ขึ้น ให้ลงชื่อเข้าใช้ google chrome ก่อนแล้วค่อยเปิดดูวีดีโออีกครั้งนะคะ ) 
แบ่งปันความฟิน ปิ้วๆ

.



            หลังจากที่กลับมาจากผับ อาโอบะก็ตื่นขึ้นมาแบบเจ็บช่วงล่างและความทรงจำในผับก็ขึ้นมาทำให้อาโอบะรู้สึกอับอายว่าตนทำอะไรลงไป พอเหลือบมองไปหามิ้งค์ที่นั่งสูบไปป์อยู่บนโต๊ะ เขาก็มองอาโอบะด้วยสายตาที่ไร้ความรู้สึก พออาโอบะกำลังจะเอ่ยปากพูดกับมิ้งค์เพื่อกลบบรรยากาศที่น่าอึดอัด มิ้งค์ก็เดินขึ้นไปชั้นบนโดยไม่สนใจอาโอบะ 
        
            อาโอบะก็คิดอยู่ในใจว่ามิ้งค์จะรังเกียจเขาหรือเปล่า  และอีกใจหนึ่งอาโอบะก็คิดว่าทำไมมิ้งค์ถึงยอมทำแบบนั้นกับเขา
 

            วันต่อมามิ้งค์คุยโทรศัพท์กับใครบางคนอยู่ และบอกให้อาโอบะเตรียมตัวออกไปกับเขา อาโอบะก็ถามว่า ไปไหน  มิ้งค์ก็ตอบเพียงแค่ว่า "ธุระเล็กๆน่ะ นายรู้แค่เท่าที่นายควรจะรู้ก็พอ"
           (  มิ้งค์ไม่บอกแผนและไม่บอกว่าต้องการอะไรกับอาโอบะตรงๆ  ปล่อยให้อาโอบะงงๆอยู่อย่างนั้น และตอนนี้อาโอบะรู้เพียงแต่ว่าต้องทำตามที่มิ้งค์บอกอย่างเดียวเท่านั้น )
             
               พออาโอบะตามมิ้งค์มาถึงโกดังแห่งหนึ่ง ก็พบกับลูกน้องของมิ้งค์ที่กำลังจะทำตามแผนของมิ้งค์ ( ซึ่งมีอาโอบะคนเดียวที่ไม่รู้แผนอะไรเลย )  แต่ทันใดนั้นตำรวจก็บุกมาจะจับแก๊งของมิ้งค์
 
                มิ้งค์เลยสั่งให้ลูกน้องเทแป้งลงมา ทำให้เกิดควันขาวมองไม่เห็น ตำรวจจึงยิงไม่ได้เพราะกลัวยิงโดนกันเอง  มิ้งค์ยื่นปืนไปให้อาโอบะใช้ แต่อาโอบะไม่อยากใช้ยิงคน มิ้งค์เลยบอกว่ามีทางเดียวเท่านั้น คือใช้พลังของนาย  มิ้งค์เลยเอาโทรโข่งมาให้อาโอบะ
 
                อาโอบะก็ลังเลกลัวว่าพลังเขาจะไม่เป็นผล แต่เพื่อหยุดสถานการณ์ที่ชุลมุน อาโอบะเลยหลับตาตั้งสมาธิและตะโกนใส่โทรโข่งด้วยพลังสแครป์ว่า "หยุดซะ!!" สิ้นเสียงของอาโอบะ ทั้งพวกตำรวจและลูกน้องของมิ้งค์ก็หมดสติล้มลงกับพื้นทันใด  
 
                ขณะที่อาโอบะตกใจที่ทำลูกน้องของมิ้งค์สลบไปด้วยอยู่นั้น มิ้งค์ก็จับแขนอาโอบะแล้วรีบพาออกไปจากโกดังก่อนที่ตำรวจจะฟื้น
 
             พอมิ้งค์กับอาโอบะมาถึงโรงแรมกลิตเตอร์ อาโอบะก็พึมพำด้วยความรู้สึกผิดว่า ตนทำให้ลูกน้องของมิ้งค์ถูกตำรวจจับเพราะตนใช้สแครป์พลาด  พอมิ้งค์ได้ยินอย่างนั้นก็ชกอาโอบะแล้วกระชากคอเสื้อ ตรึงร่างอาโอบะไว้กับผนังห้อง



        มิ้งค์บอกกับอาโอบะว่า "ถึงนายจะรู้สึกผิด แต่มันก็กลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้อยู่ดี เพราะเรื่องมันเกิดขึ้นไปแล้ว" และมิ้งค์ก็ชกอาโอบะแล้วพูดอีกว่า " ใครก็ตำหนินายไม่ได้ แม้แต่ตัวนายเองก็เช่นกัน มีเพียงแค่ฉันเท่านั้นที่จะตำหนินายได้ "  หลังจากนั้นมิ้งค์ก็บอกให้อาโอบะเอามือยันผนัง ทันใดนั้นอาโอบะก็รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น อาโอบะพยายามดิ้นหนีสุดชีวิตแต่ก็สู้แรงมิ้งค์ไม่ได้ 
 
            มิ้งค์จับอาโอบะให้หน้าเขาแนบกับผนังอย่างแรง แล้วทำการปลดเข็มขัดดึงกางเกงอาโอบะออก ก่อนจะแทรกแก่นกายที่แข็งของตัวเองเข้าไปในตัวของอาโอบะอย่างแรง โดยการไร้การเตรียมพร้อมก่อนเข้า ทำให้อาโอบะรู้สึกเจ็บทรมานเป็นอย่างมากราวกับว่าเขาถูกคมมีดแทงก็มิปาน  แต่มิ้งค์ก็ยังคงกระทั้นกระแทกอย่างแรงต่อเนื่องจนสำเร็จความใคร่ในตัวของอาโอบะ  
 
            อาโอบะรู้สึกหมดแรงจึงหมดสติไปทั้งอย่างนั้น  พอเขาตื่นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองได้มานอนอยู่บนเตียง และอาโอบะก็รู้สึกว่ามีอะไรไหลลงมาที่ขา จากนั้นเขาก็รู้ว่ามันคือน้ำรักของมิ้งค์ที่ทิ้งไว้ในตัวเขา อาโอบะจึงไปอาบน้ำก่อนจะลงมาชั้นล่าง
 
            พอเขาลงมาชั้นล่างมิ้งค์ก็โยน USB ให้อาโอบะแล้วบอกให้เสียบกับเร็น ( เร็นคือออลเมทของอาโอบะ ) เพราะมันอยู่ในแผนการของมิ้งค์ 
 
            อาโอบะถามว่าใช้เพื่ออะไรแล้วผลจะเป็นยังไง มิ้งค์ก็ตอบแบบลอยๆว่า ใครจะไปรู้ล่ะ  อาโอบะก็โมโหเป็นอย่างมากเลยพูดว่า ทำไมไม่ใช้กับออลเมทของนายเองล่ะ มิ้งค์ก็จับคอเสื้ออาโอบะแล้วบอกว่า บอกให้ทำก็ทำไปสิ มันก็แค่เป็นออลเมท นายไม่เห็นจำเป็นจะต้องเห็นใจมัน หรือว่านายอยากเจ็บตัวกัน
 
            เร็นเลยเดินมาหาอาโอบะแล้วบอกอาโอบะว่า ใช้ USB กับตนเถอะ ไม่เป็นไรหรอก และเร็นบอกว่าแผนของมิ้งค์จะได้สำเร็จ และถ้าหากเขาพังเร็นก็เชื่อว่าอาโอบะจะซ่อมเขาได้  พออาโอบะได้ฟังเร็นบอกอย่างนั้น จึงยอมเสียบ USB กับเร็น

            หลังจากนั้นอาโอบะก็อุ้มเร็นไว้และนั่งพิงผนังห้องก่อนจะงีบหลับ  เวลาผ่านไปอาโอบะก็ตื่นเพราะได้ยินเสียงมิ้งค์คุยกับใครบางคน และพูดว่า จะส่งคนไปให้ ทำให้อาโอบะตกใจและกลัวว่าคนที่มิ้งค์จะส่งตัวไปหมายถึงเขาหรือเปล่า และสงสัยว่ามิ้งค์คุยกับใครกัน  

              อาโอบะเลยตัดสินใจถามมิ้งค์ แต่มิ้งค์ก็ตอบไปว่ามันเป็นแผนการ นายรู้เท่าที่นายควรรู้ก็พอและอย่าคิดจะหนีเชียว
 
            อาโอบะก็คิดในใจว่า มิ้งค์มักจะตอบแบบนี้ตลอด และอาโอบะไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับมิ้งค์เลยสักอย่าง ตั้งแต่ที่ถูกมิ้งค์ข่มขืนเมื่อวานกับถูกบังคับให้เสียบ USB กับเร็น อาโอบะก็รู้สึกไม่เชื่อใจมิ้งค์อีกต่อไป
 
            ตกกลางคืน อาโอบะก็คิดว่ามิ้งค์หลับแล้ว จึงแอบหนีจากโรงแรมกลิตเตอร์ ทว่าพอถึงตรอกซอยแคบเขาก็ได้ยินเสียงกระพือปีกดังอยู่เหนือหัว พอเขาเงยหน้าขึ้นก็พบกับโทริออลเมทของมิ้งค์กำลังบินตามเขา  อาโอบะจึงวิ่งหนีอย่างสุดชีวิตแต่ทว่าก็เจอกับมิ้งค์ยืนดักหน้าเขาอยู่
 
            มิ้งค์ได้พูดขึ้นว่า "คิดแล้วว่านายจะทำแบบนี้  ฉันจะลงโทษนาย"  พอมิ้งค์ลากตัวอาโอบะมาถึงโรงแรมกลิตเตอร์ มิ้งค์ก็ทุ่มตัวอาโอบะลงพื้นอย่างแรง ก่อนจะนั่งคร่อมอาโอบะแล้วชกต่อยเข้าที่ใบหน้าอาโอบะจนเลือดกลบปาก 
 
            อาโอบะก็บอกว่า "ที่ฉันทำก็เพราะทำตามเงื่อนไขของนาย ฉันก็อยากเป็นคนปกติไม่อยากเกิดมามีพลังแบบนี้เลยสักหน่อย!"

        มิ้งค์ก็ตอบว่า "มันคือสิ่งที่พระเจ้าประทานให้นาย และนายเป็นคนที่คิดเองไม่ได้หรือไง ต้องรอให้คนอื่นคอยเลือกเส้นทางให้นายตลอดเลยรึไง ทุกอย่างมันขึ้นอยู่ที่นายจะเลือกเอง"

            พออาโอบะถูกชกต่อยต่อเนื่อง และกำลังจะสลบมิ้งค์ก็บีบคออาโอบะไว้ เพื่อไม่ให้เขาสลบ      
 
 
 
            มิ้งค์กระซิบที่ข้างหูของอาโอบะว่า "ฉันจะลากความเจ็บปวดของนายออกไปแล้วดึงธาตุแท้จริงของนายออกมา"
            มิ้งค์ก็ได้ปลดกางเกงอาโอบะออกแล้วแทรกแก่นกายเข้าไป พร้อมกับบีบคอไว้และพูดว่า "ยอมแพ้ และชินกับความเจ็บปวดนี้ซะ" เสียงของมิ้งค์ได้ก้องอยู่ในหูของอาโอบะ  และอาโอบะก็เริ่มรู้สึกเห็นด้วยว่าเขาควรยอมรับความเจ็บปวดและยอมแพ้ 
 
            ไม่นานนักอาโอบะก็เริ่มก่ำกึ่งไม่ได้สติ และรู้สึกดีกับการถูกทำรุนแรงแบบนี้ มิ้งค์ก้มหน้าลงข้างลำคอของอาโอบะและสูดดมกลิ่นบางอย่างจากตัวของอาโอบะ  
 
            ตอนนี้อาโอบะร้องครวญครางอย่างกระอึกกระอักไปครู่หนึ่ง ก่อนภาพที่เขาเห็นจะมืดสนิท

           ทันใดนั้นร่างความต้องการของอาโอบะก็ขึ้นมาแทนแล้วหัวเราะร่าออกมา พอมิ้งค์เห็นอย่างนั้นก็ตกใจจึงจะผละตัวออก แต่อาโอบะก็คว้ากอดมิ้งค์ไว้ให้มาใกล้ แล้วพูดอย่างเหยียดหยามว่า "แม้ว่านายจะพยายามคุมอาโอบะให้อยู่ใต้บัญชานายก็ตาม แต่นายเอาชนะฉันไม่ได้หรอก" จากนั้นอาโอบะร่างความต้องการก็หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง จากนั้นภาพก็มืดเป็นสีดำสนิท
 
           

อาโอบะในร่างความต้องการแทรกขึ้นมาแทน

        อาโอบะตื่นขึ้นมาด้วยความเหนื่อยล้า และพบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียง พออาโอบะเลื่อนสายลงไปก็เห็นมิ้งค์นั่งโซฟาอยู่ตรงปลายเตียง 

        อาโอบะเห็นมิ้งค์ในแบบที่ไม่ตนเคยเห็นมาก่อน  มิ้งค์ประสานมือตัวเองไว้ด้วยกันและดูเหมือนกำลังสวดภาวนาอยู่ มิ้งค์ทอดสายตามองไปที่ทางหน้าต่างราวกับมองไกลออกไป เหมือนกำลังมองอะไรบางอย่าง  
 
        จากนั้นอาโอบะก็รู้สึกหนักตาจึงหลับตาลง ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงฝีเท้ามาอยู่ตรงหน้า พร้อมกับกลิ่นหอมของชินนาม่อนจากตัวของมิ้งค์ พออาโอบะได้กลิ่นแล้วก็รู้สึกผ่อนคลายและเขาก็หลับสนิท




            พอเห็นอาโอบะหลับ มิ้งค์เดินมาสัมผัสเส้นผมของอาโอบะอย่างอ่อนโยน ( เป็นครั้งแรกที่มิ้งค์อ่อนโยนกับอาโอบะ เหมือนกับว่าหลังจากคืนนั้นมิ้งค์ก็รู้เรื่องสองตัวตนในร่างของอาโอบะและเข้าใจอาโอบะมากขึ้น )



        วันต่อมาอาโอบะตื่นขึ้น และออกไปนอกห้องเห็นมิ้งค์นั่งดูทีวีที่ฉายภาพโทวเอะกำลังพูดอยู่ สีหน้าของมิ้งค์ตอนนี้ดูโกรธเคียดแค้นโทวเอะมาก และอาโอบะก็ไม่ชอบโทวเอะด้วยเหมือนกัน ( เพราะโทวเอะคิดจะควบคุมจิตใจของคนและยึดครองประเทศเป็นของตัวเอง )
 
        จากนั้นมิ้งค์ก็บอกอาโอบะว่าจะไปที่โอวอลทาวน์ ซึ่งอาโอบะก็ออกปากว่า จะไปด้วย มิ้งค์ก็ตอบอาโอบะกลับแบบดีๆเป็นครั้งแรกว่า แน่นอนอยู่แล้ว
        
        หลังจากที่ออกมาจากโรงแรมกลิตเตอร์ มิ้งค์ก็พาอาโอบะไปที่ตึกร้างแล้วขึ้นไปชั้นบนสุดบนด่านฟ้า ก็พบกับมอเตอร์ไซค์คันใหญ่ ( เป็นแผนของมิ้งค์ ซึ่งลูกน้องเตรียมไว้ให้ )

        มิ้งค์ขึ้นนั่งแล้วสตารท์รถมอเตอร์ไซค์ก่อนจะบอกให้อาโอบะขึ้น อาโอบะก็ถามว่า มันเบาะนั่งสำหรับคนเดียวนะ จะให้นั่งตรงไหน มิ้งค์ก็บอกว่า นั่งตรงไหนก็ได้ที่มันนั่งได้ พออาโอบะนั่งซ้อนท้าย มิ้งค์ก็ทำการบิดเร่งรถมอเตอร์ไซค์อย่างแรง ทำให้อาโอบะกลัวตกจึงได้กอดเอวของมิ้งค์ไว้แน่น

        จากนั้นมิ้งค์ก็เร่งรถมอเตอร์ไซค์อย่างแรง และขับพุ่งตรงข้ามจากด่านฟ้าของตึกทะลุเข้าชนกับกระจกชั้นบนของหอคอยโอวอลทาวน์ ( พี่มิ้งค์สายซิ่ง 5555 ) 
 
 
จะออกไปแตะขอบฟ้าาา

 
        จากนั้นมิ้งค์ก็บิดรถขึ้นบันไดในโอวอลทาวน์ต่อ เพื่อขึ้นไปชั้นบนสุด ( สงสารอาโอบะนิดนึง น้องจุกค่ะ ฮ่าๆๆ )


เกาะพี่แน่นๆนะน้อง แง๊นๆ

        พอเข้าไปในห้องก็เจอกับโทวเอะที่ยืนเหมือนกับรอพวกเขาอยู่ จากนั้นโทวเอะก็แสร้งว่าเสียใจกับการที่สังหารคนในครอบครัวของมิ้งค์ ( สตอเบอร์รี่มากค่ะคุณโทวเอะ )  และอาโอบะก็ตกใจเป็นอย่างมากที่ได้รู้ว่าครอบครัวของมิ้งค์ถูกฆ่าโดยโทวเอะ อาโอบะจึงรู้เหตุผลว่าทำไมมิ้งค์ถึงอยากมาโอวอลทาวน์

        โทวเอะก็บอกว่าเรามาแลกเปลี่ยนกันไหม นายจะได้ทุกอย่างตามที่ต้องการ ถ้าหากนายยอมบอกสูตรสมุนไพรให้กับฉัน   แต่มิ้งค์ก็ตอบว่าฉันต้องการชีวิตของแก และต่อให้ฉันรู้สูตรสมุนไพรก็ไม่มีวันบอกแกหรอก

        โทวเอะแสยะยิ้มแล้วพูดว่า กะแล้วว่านายต้องตอบแบบนี้ จากนั้นเขาก็ดีดนิ้ว ลูกน้องของโทวเอะที่อยู่ด้านหลังก็ร้องเพลงดายมิวสิค ทำให้มิ้งค์และอาโอบะปวดหัวเป็นอย่างมาก

 
        เพราะเพลงดายมิวสิค ทำให้อาโอบะเห็นอดีตตอนที่ตัวเองแข่งไรม์ ทำร้ายผู้คนด้วยพลังสแครป์ อาโอบะก็เจ็บปวดใจรับไม่ได้กับอดีตของตนเป็นอย่างมาก ขณะที่อาโอบะกำลังจะหลงจมอยู่ในอดีตที่เลวร้าย ก็มีมือของใครบางคนจับแขนเขาไว้ อาโอบะจึงได้สติกลับมา 

        และพอดูเจ้าของมือก็เห็นมิ้งค์จับแขนเขาไว้ อาโอบะจึงรู้สึกขอบคุณมิ้งค์อยู่ในใจว่ามิ้งค์ได้ช่วยตนไว้ แต่ว่าตอนนี้มิ้งค์ตัวแข็งทื่อเหมือนไม่ได้เหมือนสติ 
 
        อาโอบะอยากช่วยมิ้งค์ เขาจึงใช้พลังสแครป์เข้าไปในจิตใต้สำนึกของมิ้งค์ 

        ภายในจิตใต้สำนึก ปรากฎภาพพื้นหญ้าป่าถูกปกคลุมไปด้วยเปลวเพลิง ผู้คนในหมู่บ้านถูกฆ่าตายด้วยลูกน้องของโทวเอะ พวกเขาต่างส่งเสียงกรีดร้องขอความช่วยเหลือจากอาโอบะ

( ในส่วนของ good end )
        แต่อาโอบะตัดสินใจไม่ช่วย เพราะมันเป็นภาพลวงตาและเป็นอดีตที่ไม่สามารถแก้ไขได้ และอย่างเดียวที่อาโอบะต้องทำตอนนี้ก็คือตามหามิ้งค์

        พออาโอบะเดินไปก็พบกับประตู เขาเข้าไปและเจอกับโซ่มากมายที่ห้อยเป็นระโยงระยาง พออาโอบะเดินไปเรื่อยๆก็ได้ยินเสียงเหมือนมีคนบอกว่า อย่าเข้ามา

        แต่อาโอบะก็ยังคงแน่วแน่เดินต่อไป และในที่สุดก็เจอกับมิ้งค์นั่งอยู่บนเก้าอี้ถูกโซ่ล่ามทั่วตัวไว้แน่น พออาโอบะจะจับโซ่ ก็พลันเกิดแสงประกายไฟกับมือของเขา ทำให้อาโอบะแตะต้องโซ่ไม่ได้ อาโอบะจึงรู้ว่ามิ้งค์ปฏิเสธการช่วยเหลือจากเขา จากการที่มิ้งค์ยึดมั่นว่า ตนขยับไม่ได้ อาโอบะจึงบอกมิ้งค์ว่า นายขยับได้  จากนั้นโซ่ก็เส้นหนึ่งก็หลุดจากมิ้งค์

        แต่ถึงอย่างนั้นมิ้งค์ก็ยังคงไม่ขยับเขยื้อน อาโอบะพยายามจะดึงโซ่ออกอีกครั้ง พออาโอบะสัมผัสโซ่ แขนของเขาก็พลันขึ้นสนิม จากนั้นโซ่มากมายก็พันเข้าที่ตัวของอาโอบะ แม้จะเจ็บปวดมากเพียงใดแต่อาโอบะก็ไม่ยอมแพ้ เขาพยายามจะช่วยมิ้งค์ให้ได้

        ทันใดนั้นมิ้งค์ก็ขยับเล็กน้อย โดยการเงยหน้าขึ้นสบตากับอาโอบะ
 
ภายในจิตใต้สำนึก มิ้งค์ถูกโซ่ตรวนผูกรัดตัวเองไว้ นั่นหมายถึงมิ้งค์ยึดมั่นใน ความตาย
 
         และนั่นทำให้อาโอบะเข้าใจบางอย่างที่ซ่อนอยู่ภายใต้ดวงตาคู่นั้น คือความตาย สิ่งที่มิ้งค์ยึดติดก็คือเขาจะต้องแก้แค้นโทวเอะให้สำเร็จ และหลังจากที่ฆ่าโทวเอะแล้ว มิ้งค์ก็จะฆ่าตัวตายด้วย  ทำให้อาโอบะเห็นตัวตนที่แท้จริงของมิ้งค์ และอาโอบะก็เข้าใจมิ้งค์มากขึ้น
 
        ( มิ้งค์คิดจะฆ่าตัวตายตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ถ้าหากเขาแก้แค้นโทวเอะสำเร็จ และตายให้กับทุกสิ่งที่เขาเคยทำ ทั้งการทำไม่ดีกับอาโอบะต่างๆนานา และเขาจะได้กลับไปอยู่กับครอบครัวของตนที่สูญเสียไป ที่มิ้งค์ทำไม่ดีกับอาโอบะเพราะเขาไม่อยากให้อาโอบะคิดเห็นใจตอนที่เขาจะฆ่าตัวตาย และเขาใช้อาโอบะเป็นแค่เครื่องมือในการแก้แค้นเท่านั้น )



( ขอเล่าแบบรัดๆสรุปนะคะ เรื่องราวรูทมิ้งค์มันยาวม้วกกกค่ะ )


         พอมิ้งค์และอาโอบะออกมาจากจิตใต้สำนึก ปรากฎว่าโทวเอะได้หนีไปแล้ว  มิ้งค์ยิ้มให้อาโอบะเล็กน้อย และพูดว่าใบหน้าแบบนั้นนั่นดูไม่ได้เลยนะ จากนั้นทั้งสองก็มุ่งไปชั้นบนเพื่อตามหาโทวเอะ  
จากนั้นมิ้งค์ก็เสียบ USB ออลเมทของตนลงกับมอเตอร์ไซค์ แล้วสั่งโทริว่า "พาอาโอบะกลับไปซะ"

        แต่อาโอบะไม่อยากกลับ และบอกว่าจะไปกับมิ้งค์ 

        มิ้งค์จึงยอมแบบไม่เต็มใจเท่าไหร่และทั้งสองก็ไปชั้นบน ขณะที่อาโอบะหอบเหนื่อยจากการขึ้นบันไดทั้งปวดหัวจึงได้กินยา ตอนนี้มิ้งค์ก็ได้มองดูอาโอบะด้วยความเป็นห่วง 
 
        พอใกล้ถึงประตูที่โทวเอะอยู่ อาโอบะก็จับแขนมิ้งค์ไว้ แล้วพูดว่า "ไม่อยากให้มิ้งค์ตาย"

        มิ้งค์ก็ตอบกลับไปว่า "ฉันได้ตายไปแล้ว ตั้งแต่ตอนที่ครอบครัวและญาติพี่น้องของฉันถูกฆ่าตาย"
อาโอบะก็ปฏิเสธโดยบอกว่า "ไม่ใช่ นายยังไม่ตาย นายยังมีลมหายใจ และฉันก็จับต้องผิวกายของนายได้ "

        มิ้งค์ก็ชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะผละแขนออกจากมือของอาโอบะแล้วเดินตรงไปที่ประตู ก่อนจะพูดว่า "ขอโทษที่ทำให้นายมามีส่วนเกี่ยวข้อง" จากนั้นมิ้งค์ก็เข้าประตูไปหาโทวเอะ

        อาโอบะคิดว่าตนคงจะห้ามอะไรมิ้งค์ไม่ได้เพราะเป็นทางที่มิ้งค์ตัดสินใจเลือกเอง  อาโอบะจึงตัดสินใจขึ้นมอเตอร์ไซค์แล้วลงจากหอคอยโอวอลทาวน์ แต่ทว่าหนทางกลับไม่ได้ราบรื่น เพราะมีสุนัขออลเมทเฝ้ายามวิ่งไล่ตามพยายามยิงเรเซอร์ใส่อาโอบะ
 
 

        โทริที่เชื่อมอยู่ในมอเตอร์ไซค์ จึงบอกอาโอบะให้ใช้เร็นที่เคยลงโปรแกรมจาก USB เพื่อปิดระบบป้องกันภัยในโอวอลทาวน์

        ตอนแรกอาโอบะลังเลไม่กล้าใช้เร็น แต่โทริก็พูดว่า "ฉันและเร็นเป็นเครื่องยนต์ไร้ความรู้สึกเจ็บปวด หากพังก็ซ่อมได้แต่ต่างจากนายถ้าหากตายแล้วก็ฟื้นกลับมาไม่ได้"

        และโทริจึงพูดต่อว่า "มิ้งค์ได้สั่งให้ฉันพานายลงไปจากโอวอลทาวน์ให้ปลอดภัย"  เมื่อได้ฟังคำพูดจากโทริแล้ว อาโอบะจึงยอมใช้เร็นและก็ได้ผล สุนัขออลเมทเฝ้ายามทุกตัวถูกปิดระบบป้องกันภัย ทำให้พวกมันล้มตัวลงกับพื้นทุกตัว



        หลังจากที่มิ้งค์เข้าไปในห้องของโทวเอะ เขาก็ถูกโทวเอะใช้พลังควบคุมจิตใจ ( มันคล้ายกับสแครป์ของอาโอบะน่ะค่ะ ) โทวเอะได้ใช้คำพูดฝังรากลึกลงไปในจิตใต้สำนึกของมิ้งค์ให้เหมือนกับว่าเขาทรมานตายทั้งเป็น

        แต่ทว่ามิ้งค์กลับหัวเราะออกมา  โทวเอะเลยถามว่า "พลังนี้ไม่เป็นผลกับนายหรือไง"  มิ้งค์เลยบอกว่า "ฮึ เป็นผลสิ แต่ว่ามีคนฝังรากคำพูดลงบนจิตใต้สำนึกของฉันก่อนแกแล้ว มันเป็นคำพูดที่ดีกว่าแกและมันคือพลังที่แท้จริงไม่เหมือนกับของแก"

        พอโทวเอะได้ยินอย่างนั้นก็รู้ว่าคนที่มิ้งค์พูดถึง คืออาโอบะ โทวเอะยอมรับชะตากรรม และถูกมิ้งค์ปลิดชีพโดยการใช้มีดแทง

        จากนั้นมิ้งค์ก็ปฎิญาณว่า ตนได้แก้แค้นให้กับทุกคนแล้ว และตนจะออกเดินทางกลับคืนสู่ถิ่นของบรรพบุรุษ
 
 
           พออาโอบะออกมาก็ได้เจอกับคนที่มิ้งค์เคยบอกว่า จะส่งตัวให้  คือเป็นคนที่จะคอยให้ความช่วยเหลืออาโอบะตอนที่อยู่ในแผนการน่ะค่ะ ( แต่มิ้งค์เขาปากแข็งไม่ยอมบอกอาโอบะตรงๆ พออาโอบะรู้แบบนี้ก็รู้สึกผิดที่เข้าใจมิ้งค์ผิด )
 
            หลังจากที่โอวอลทาวน์ถล่ม มิ้งค์ก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ซึ่งอาโอบะก็ไม่เชื่อว่ามิ้งค์ตาย
 
            อาโอบะอยากรู้เรื่องเกี่ยวกับตัวมิ้งค์มากกว่านี้ และอยากรู้ว่ามิ้งค์คิดกับตนยังไง 
 
            ( ตอนนี้น้องอาโอบะรู้ตัวแล้วว่าได้ตกหลุมรักลุงมิ้งค์ อร๊ากกก )   จากนั้นอาโอบะก็ตัดสินใจที่จะเลือกเส้นทางของตนคือการตามหามิ้งค์

              อาโอบะได้บอกทุกอย่างและเล่าความในใจให้คุณยายทาเอะฟัง  คุณยายทาเอะรับฟังและเข้าใจยอมให้อาโอบะออกเดินทางตามหามิ้งค์ ซึ่งคุณยายทาเอะก็พึมพำว่า อาโอบะเป็นเหมือนพ่อกับแม่ไม่มีผิด ( ปล.พ่อกับแม่บุญธรรมของอาโอบะเป็นนักเดินทาง ชอบท่องเที่ยวไปทั่วโลก )

        อาโอบะได้ออกเดินทางตามหามิ้งค์ไปทั่วด้วยความมุ่งมั่นว่ามิ้งค์ไม่ตาย โดยอาศัยภาพแผ่นดินบ้านเกิดของมิ้งค์ ที่เคยเห็นจากจิตใต้สำนึกของมิ้งค์    
 
         และวันหนึ่งอาโอบะก็พบกับสถานที่ที่ตนตามหา และพบกับชายร่างสูงสง่างาม ยืนอาบแสงอรุณยามเช้า ผมยาวของเขาปลิวไสวไปตามสายลม
 
 
บ้านเกิดของมิ้งค์
 

            จากนั้นชายตรงหน้าก็หันใบหน้ามาทางอาโอบะ ทำให้เห็นดวงตาที่แท้จริงของเขามีสีเหลืองทองดุจแสงดวงอาทิตย์ ( ตลอดมามิ้งค์ใส่คอนแทคเลนส์ เพื่อปลอมตัวค่ะ )

 



       คนตรงหน้าคือมิ้งค์ คือคนที่เขาตามหามาโดยตลอด  อาโอบะดีใจเป็นอย่างมากและเขาก็ได้ตัดสินใจว่าจะร่วมเดินทางและอยู่ด้วยกันกับมิ้งค์
 

จบบริบูรณ์

 


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

[ โดจิน : ดาบพิฆาตอสูร ] เร็นโกคุ x ทันจิโร่